วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนครั้งที่  4
วันจันทร์ ที่ 5 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เนื้อการเรียน
นำเสนอ
กลุ่มที่ 5 รูปแบบการเรียนรู้ แบบมอนเตสซอรี่
หลักการของการสอนแบบมอนเตสซอรี่
1. พัฒนาการสอนให้สัมพันธ์กับพัฒนาการความต้องการ ตามธรรมชาติของเด็กแต่ละคน
2. ในช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ขวบ เป็นช่วงที่จิตซึมซับสิ่งแวดล้อมโดยไร้ความรู้สึก ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 การมองเห็น การได้ยิน การลิ้มรส การดมกลิ่น และการสัมผัส เด็กใช้จิตในการหาความรู้
3. การเรียนรู้ในระยะแรกของชีวิต เป็นช่วงพัฒนาสติปัญญา เด็กสามารถเรียนทักษะเฉพาะอย่างได้ดี ครูต้องช่างสังเกต และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการจัดการเรียนการสอนให้สมบูรณ์ที่สุด
4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม เด็กจะเรียนได้ดีที่สุดในสภาพการจัดสิ่งแวดล้อมที่ได้ตระเตรียมเอาไว้อย่าง มีจุดหมาย มีอิสระจากการควบคุมของผู้ใหญ่ ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ตามความคิดของตนเอง
5. เด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เรียนรู้ระเบียบวินัยของชีวิต มีอิสระภาพในการทำงานและแก้ไขข้อบกพร่องเด็กสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง ลดวิธีการให้ครูเป็นศูนย์กลาง แต่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนเพิ่มขึ้น
หลักสูตรของโรงเรียนแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่คำนึงถึงความต้องการของเด็กในการเรียน โรงเรียนจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับวัยให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง วิธีนี้เด็กจะได้พัฒนาตนเองจากสิ่งแวดล้อม และเครื่องมืออุปกรณ์ที่จัดระบบไว้ให้ และสิ่งแวดล้อมที่จัดเอาไว้ให้นี้เองเป็นตัวที่ทำให้เด็กมีอิสระ การที่เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ จะทำให้เด็กได้ในสิ่งที่ต้องการจากการค้นหาการเรียนรู้ ได้รับเสรีภาพในขอบเขตที่จำกัด จากสิ่งแวดล้อมที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ให้ และจะทำให้เด็กได้รับผลสำเร็จตามความต้องการของเขา
จุดเด่นและกิจกรรมแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่

ในโรงเรียนมอนเตสซอรี่กิจกรรมถือเป็นส่วนสำคัญ ที่เด็กเล็กจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมด โดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส กิจกรรม หรืองานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย อุปกรณ์การเรียนได้วางรูปแบบเอาไว้ให้เด็กได้ทำงานต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนงานจะกระตุ้นทำให้เด็กทำงานต่อไป กิจกรรมแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ เด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจง่าย สิ่งสำคัญของเรียนแนวมอนเตสซอรี่ คือ มือ เพราะเด็กจะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างผ่านมือของตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่และครูเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เด็กจะรู้สึกมีอิสระในการหยิบจับอุปกรณ์ที่เขาสนใจมาทำ หากทำไม่ได้ เด็กจะนำไปเก็บและหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่นมาแทน ทั้งนี้การฝึกฝนจากอุปกรณ์ที่ง่ายไปสู่อุปกรณ์ที่ยากเป็นไปตามพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก
กิจกรรมมอนเตสซอรี่ มี 3 กลุ่ม
1. กลุ่มประสบการณ์ชีวิต ฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย มีสมาธิ เป็นตัวของตัวเอง และได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก
2. กลุ่มประสาทสัมผัส ฝึกให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้สัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม
3. กลุ่มวิชาการ (คณิตศาสตร์และภาษา) ปูพื้นฐานความรู้เรื่องจำนวนตัวเลขการอ่านและการเขียน เด็กจะได้เรียนรู้อย่าเป็นขั้นตอนจากรูปธรรมสู่นามธรรม โดยใช้อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่ เป็นสื่อ
การเรียนแบบมอนเตสซอรี่จะเน้นแบบคละอายุ ให้ช่วงอายุห่างกันประมาณ 3 ปี มีทั้งเด็กที่อายุมากกว่า เท่ากัน และน้อยกว่า เรียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จุดประสงค์ ก็เพื่อให้เด็กช่วยเหลือกัน ไม่มีการแข่งขันกันในห้องเรียน
สิ่งที่เด็กจะได้จากการสอนของโรงเรียนแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่
ในโรงเรียนมอนเตสซอรี่ เด็กจะก้าวหน้าไปตามธรรมชาติของพัฒนาการแห่งวัย มีอิสรภาพในการเลือกสิ่งต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมซึ่งสนองความพอใจ และความต้องการในความรู้สึกของเขา เป็นการจัดระบบของตนเอง เพื่อเด็กจะได้ปรับตัวเข้ากับสภาพของชีวิต
เด็กมีสิทธิในการพัฒนาบุคลิกภาพของเขาในการเรียนมีอิสระในการทำกิจกรรม สำรวจโลกสำหรับตัวของเขาเองเด็กจะพัฒนาการเรียนรู้ในการทำงานด้วยตนเอง และความรู้สึกของความรับผิดชอบเด็กจะมีวิธีการควบคุมตนเองและเรียนรู้ในการรับผิดชอบต่อตนเองเป็นเบื้องแรก แล้วก็ต่อสภาพการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เขาได้พบตัวของเขาเอง


ในการพัฒนาการทางด้านสังคมของเด็กในโรงเรียนมอนเตสซอรี่ เด็กเรียนรู้ที่จะทำหน้าที่ของแต่ละคน ในสภาพการเป็นสมาชิกของกลุ่ม มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ และรู้จักที่จะรอคอยความสำเร็จบุคลิกภาพทั้งหมดของเด็กจะได้รับการพัฒนาการปรับตัวต่อสังคม เด็กได้รับการฝึกให้มีคุณภาพพื้นฐานทางสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นพลเมืองดี มีสติปัญญา ความสามารถในการแยกแยะ ความคิดริเริ่ม และการเลือกอย่างอิสระ มีอารมณ์ที่เหมาะสม
 (การเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็ก)คละอายุของเด็กปฐมวัย



กลุ่มที่ 6 รูปแบบการเรียนรู้แบบไฮสโคป (การเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม)
แนวการเรียนของโรงเรียนแนวคิดการสอนแบบไฮสโคป
โรงเรียนไฮสโคปมีสิ่งที่คุณครูจะกระตุ้นให้เด็กดำเนินกิจกรรมตามกระบวน 3 ขั้นตอนดังนี้
1. การวางแผน (Plan)
การวางแผนมีความสําคัญต่อแนวคิดการสอนแบบไฮสโคป เนื่องจากเป็นการสนับสนุนความคิด การเลือกและการตัดสินใจของเด็กที่ชัดเจน เราอาจเห็นการวางแผนของเด็กผ่านการกระทําท่าทางหรือคําพูด วิธีนี้จะช่วยส่งเสริมความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองของเด็กและความรู้สึกในการควบคุมตนเอง ทําให้เด็กสนใจการเล่นที่ตนเองได้วางแผนไว้
2. การปฏิบัติ / การทํางาน (Do / Work time)
ช่วงเวลาการทํางานเป็นช่วงที่เด็กได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ตั้งใจ และวางแผนไว้ เป็นกระบวนการที่เด็กได้ช่วยกันคิด แก้ปัญหาร่วมกันอย่างมีจุดมุ่งหมาย ได้เรียนรู้ตามประสบการณ์ ค้นพบความคิดใหม่ๆ การได้เล่นของเด็กคือความต้องการที่จะสํารวจ ทดลอง ประดิษฐ์ สร้างสรรค์และเลียนแบบ ดังนั้นเมื่อเด็กได้วางแผน กิจกรรมจึงมีลักษณะทั้งการทํางานที่จริงจังและการเล่นที่มีความสนุกสนาน สร้างสรรค์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีคุณครูเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ สังเกตเด็กเพื่ออํานวยความสะดวก เรียนรู้ สนับสนุน ในช่วงนี้ครูจะพบว่าเด็กแต่ละคนมีวิธีการคิด ใช้เหตุผล และใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ครูมีส่วนร่วมในการเล่นกับเด็ก สนทนา ส่งเสริมการแก้ปัญหาของเด็ก พิจารณาปฏิสัมพันธ์จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว บันทึกการสังเกตเด็ก
3. การทบทวน (Recall time)
             การทบทวนเป็นช่วงที่เด็กได้สะท้อน พูดคุย เล่าถึงประสบการณ์และงานที่ทำ ช่วยให้เด็กได้ฝึกการเล่าเรื่อง การบรรยาย ฝึกความสามารถในการแสดงให้ผู้อื่นเห็น และเข้าใจประสบการณ์ของตน การทบทวนทําให้เด็กนึกย้อนไปยังเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ ครูช่วยกระตุ้นการระลึกประสบการณ์ของเด็ก ส่งเสริมโดยการสังเกตการทบทวนของเด็กในบรรยากาศที่สงบ จัดหาวัสดุอุปกรณ์ หรือประสบการณ์ที่ทําให้เด็กสนใจ เช่น การเยี่ยมชมตามมุมที่เด็กสร้างไว้ ใช้เกม เช่น เก้าอี้ดนตรีโดยให้เด็กที่ได้นั่งได้ทบทวนก่อน ใช้เพื่อนร่วมงานหรืออุปกรณ์ร่วมด้วย
จุดเด่นและสิ่งที่เด็กจะได้รับจากการโรงเรียนแนวคิดการสอนแบบไฮสโคป
การเรียนรู้แบบลงมือในโรงเรียนไฮสโคปทําจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมาก ต้องมี 5 องค์ประกอบ
1. การเลือกและตัดสินใจ เด็กจะเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมจากความสนใจและความตั้งใจของตนเอง รวมถึงการตัดสินใจเลือกวัสดุอุปกรณ์ในการนำมาทำกิจกรรมด้วย ในขั้นตอนนี้จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้มากกว่าได้รับการบอกต่อความรู้จากผู้ใหญ่
2. สื่อ ในห้องเรียนจะมีเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ที่ หลากหลาย และเหมาะกับอายุของเด็ก เด็กต้องมีโอกาสและมีเวลา เลือกวัสดุอุปกรณ์อย่างอิสระอย่างเพียงพอ เพื่อจะช่วยให้เด็กรู้จักเชื่อมโยงการ กระทำต่าง ๆ การเรียนรู้ในเรื่องของความสัมพันธ์ และมีโอกาส ในการแก้ปัญหา มากขึ้นด้วย
3. ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เด็กได้สำรวจวัตถุผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 หลังจากที่เด็กคุ้นเคยกับวัตถุแล้วเด็กจะเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์ และความเกี่ยวข้องของวัตถุนั้นได้ด้วยตัวเอง
4. ภาษาจากเด็ก สิ่งที่เด็กพูดจะสะท้อนประสบการณ์และความเข้าใจของเด็ก เด็กมักจะเล่าว่าตน กําลังทําอะไร หรือทําอะไรไปแล้วใน แต่ละวัน เมื่อ เด็กมีอิสระในการใช้ภาษาเพื่อสื่อความคิด เด็กจะรู้จักฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เรียนรู้วิธีการพูดที่เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น ได้พัฒนาการ คิดควบคู่ ไปกับการพัฒนา ความเชื่อมั่นในตนเองด้วย
5. การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ควรรับฟังและส่งเสริมให้เด็กคิด ทําสิ่งต่างๆ ด้วยตน เอง ในห้องเรียน เด็กจะพบกับประสบการณ์สําคัญ ซํ้าแล้วซํ้า อีกในชีวิตประจําวันอย่าง เป็นธรรมชาติ
หากผู้ใหญ่เข้าใจในการเรียนรู้ของเด็ก ผู้ใหญ่จะสามารถวางแผน และประเมินเพื่อจัดประสบการณ์ ที่เป็นส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างเหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น